วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ชีวิตชาวบ้านคลองหวะ-เลี้ยงผึ้ง(ตรีบท)

ชีวิตชาวบ้านคลองหวะ-เลี้ยงผึ้ง(ตรีบท)
มีข้อสังเกตจากลุงลัภย์ที่แปลกอย่างคือ
รวงผึ้งที่มีน้ำหวานของผึ้งป่าหรือธรรมชาติ
จะอยู่ที่ส่วนล่างสุดของรังผึ้ง
ตัวอ่อนของผึ้งจะอยู่ด้านบน
ส่วนผึ้งเลี้ยงในกล่องหรือรัง
รวงผึ้งที่มีน้ำหวานจะอยู่ส่วนบนของรังแบบแขวน
เป็นชั้น ๆ ภายในกล่องเลี้ยงผึ้ง
ส่วนตัวอ่อนจะอยู่ด้านล่างของรังผึ้ง

ภาพประกอบจาก Internet กล่องเลี้ยงผึ้งที่ผึ้งจะทำฝาด้านบน
กับภาพจำลองราวที่เป็นช่องใส่เลี้ยงผึ้งจะตัดจากด้านบน
มาใส่ที่ราวลวดสีเทา ผึ้งจะสร้างรังตามกรอบสี่เหลี่ยม



การมีลักษณะที่แตกต่างกันระหว่างรังสองประเภทนี้
น่าจะมาจากในช่วงที่ผึ้งเลี้ยง
เริ่มสร้างรังใหม่ใต้ฝากล่องด้านบน
เมื่อมีพอสมควรแล้วและมากพอ
คนเลี้ยงผึ้งจะทำการตัดรวงผึ้งทั้งรวง
แล้วนำรวงผึ้งมาวางในช่องสี่เหลี่ยมตามภาพ
ที่มีลวดแขวนกั้นอยู่เป็นสองแนว
ให้น้ำหวานอยู่ด้านบน
ส่วนตัวอ่อนจะอยู่ด้านล่าง

พวกผึ้งงานก็จะทำงานตามแบบดังกล่าว
คือ ให้น้ำหวานอยู่ด้านบน
ส่วนพวกตัวอ่อนผึ้งจะอยู่ด้านล่าง
เวลาสิ่งสกปรกตกหล่น
หรือมีตัวผึ้งตายหรือผึ้งอ่อนตาย
จะตกลงที่พื้นด้านล่างของกล่อง
สัปเหร่อผึ้งจะได้หามศพไปทิ้งง่าย ๆ
หรือผึ้งเทศบาลจะทำงานได้สะดวกขึ้น



แต่ถ้าเป็นรังผึ้งป่าตามธรรมชาติ
แรงโน้มถ่วงโลก Gravity
จะทำหน้าที่แทนทั้งหมด
กล่าวคือ วัตถุทั้งหลายจะตกลงสู่พื้นดิน
ด้วยแรงโน้มถ่วงของโลกตามทฤษฏีนิวตัน
ของหนักกับของเบาจะตกสู่พื้นดิน
ด้วยอัตราเร่งเท่าเทียมกัน
ในสภาพไม่มีลมแรงกรรโชก
ตามทฤษฏีของกาลิเลโอ
สองทฤษฏีประกอบกันสำหรับรังผึ้งธรรมชาติ
ทำให้ผึ้งงานประเภทผึ้งเทศบาลกับผึ้งสัปเหร่อ
ทำงานน้อยกว่าผึ้งเลี้ยงในรวงรัง



หรือน่ามาจากหลักอากาศร้อนลอยขึ้นบน
ผึ้งในป่าธรรมชาติจะมีรวงน้ำผึ้งด้านล่าง
รังผึ้งตัวอ่อนจะอยู่ด้านบน
น่าจะเป็นการช่วยให้เวลาฝนตกน้ำฝนไหลลงไปเร็ว
ไม่ค่อยกระทบกระเทือนลูกผึ้งตัวอ่อน
ส่วนน้ำหวานกระทบกระเทือนบ้างแต่จะไม่มากนัก
เพราะมีฝาปิดบาง ๆ ส่วนหนึ่งกับมีลักษณะเหนียวข้น
มีน้ำเจือปนน้อยมาก การที่ผึ้งกระพือปีกเหนือรังน้ำผึ้ง
เป็นการระบายความร้อนและช่วยให้มีการระเหยของน้ำเร็วขึ้น

ส่วนในรังที่มนุษย์สร้างให้กับผึ้งเลี้ยง
น้ำหวานจะอยู่บนเพราะความร้อนจะไหลขึ้นบน
ช่วยให้ไม่ต้องช่วยในการระเหยน้ำในน้ำผึ้งมากนัก
ส่วนด้านล่างอากาศจะเย็นกว่าด้านบนบ้างเล็กน้อย
และไม่ต้องกังวลกับฝนเพราะมีฝาปิดกันฝนได้

ภาพประกอบจาก Internet รวงผึ้งเลี้ยงจะมีน้ำหวานอยุ่ล่าง



ผลจากการใช้เสน่ห์นางพญาผึ้ง
มาล่อให้ผึ้งมาสร้างรวงรังใหม่ได้แล้ว
มนุษย์ยังปัญญากว่าผึ้งเสียอีก
คำว่า ปัญญา ในภาษาใต้มีสองนัย ๆ
นัยแรกคือ เฉลียวฉลาดเจ้าปัญญาจริง ๆ 
กับอีกนัยหนึ่ง หมายถึงทำอะไรที่สะเหร่อ ๆ 
หรือดูว่าค่อนข้างโง่เขลาเบาปัญญา
พวกตัวตลกหนังตะลุงมักจะด่ากันเอง
เวลามีคนหนึ่งคนใดทำอะไรที่ไม้เข้าท่าว่า
ปั่น ยา (ลากเสียงยาว) จิ๊ง เรา หรือ คน เรา

ภาพประกอบจาก Internet จะมีผึ้งมิ้มตัวเล็กปนอยู่่ สังเกตตัวเล็กกว่าตัวอื่นๆ


คนมักจะนำเอาน้ำผึ้งจากรังอื่น
ผสมน้ำแล้วใช้พวก Proxy หรือที่ฉีดยากันยุ่งสมัยก่อน
ฉีดพ่นใส่รังผึ้งรังใหม่
จะทำให้กลิ่นผสมปนเปกันไปหมด
นายทวารผึ้งสองตัวหลักที่เฝ้าประตูเข้าออกรังผึ้ง
กับผึ้งงานตัวอื่น ๆ จะแยกแยะกลิ่นไม่ออก
ทำให้ผึ้งงานตัวอื่น ๆ ที่หลงทางมา
สามารถเข้าออกรังผึ้งใหม่นี้ได้
จะทำให้มีจำนวนน้ำผึ้งและปริมาณผึ้งงานมากกว่าเดิม

ระยะยาวก็จะทำการขยายรังผึ้งเพิ่มเติม
ด้วยวิธีการสร้างรังผึ้งใหม่
มารอไว้ใกล้ ๆ กับรังเดิม
พร้อมกับทายาเสน่ห์นางพญาผึ้งไว้ที่รังใหม่
เมื่อปริมาณผึ้งมากพอแล้ว
ก็จะทำการขยายรังผึ้งออกไปเรื่อย ๆ

แต่ปัญหาที่พบตอนนี้คือ
ปริมาณเกสรดอกไม้ที่ผึ้งงานหามา
กับน้ำหวานของผึ้งงานหามาแต่ละวัน
มักจะไม่เพียงพอกับจำนวนผึ้งในรัง
ทำให้ต้องมีการนำน้ำตาลหรือกล้วยสุก
วางไว้ให้ผึ้งนำไปเลี้ยงผึ้งอ่อนแทนน้ำหวานจากธรรมชาติ

ปัญหาที่ตามมาคือ
ผึ้งเลี้ยงที่ไม่เป็นแบบธรรมชาติ
มักจะมีนกมาโฉบกินจำนวนมาก
แถวสงขลาเรียกว่า นกฉาบคา
มีลำตัวสีเขียว ๆ บินเร็วมาก

ที่เคยไปเห็นที่บ้านช้างกลาง
จะนำเทปม้วนกลมใหญ่ ๆ ที่มีสีน้ำตาลออกดำ
ขึงพาดไปมาบนแถวกล่องเลี้ยงผึ้ง
นัยว่าแสงสะท้อนจากเทปดังกล่าว
เป็นการไล่นกไม่ให้มารอจับกินผึ้งงาน
ส่วนแถวน้ำน้อยยังไม่เคยไปเยี่ยมชม
ไม่แน่ใจว่ายังมีการเลี้ยงผึ้งอีกหรือไม่

ภาพประกอบจาก Internet นางพญาผึ้งตัวใหญ่กว่าตัวอื่น ๆ


แต่แถวหลังวัดพะโคะ 
สมเด็จเจ้าพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์
(หลวงพ่อทวด) ที่บางตำนานอ้างว่า
ท่านเกิดแถวนี้ก่อนจะมีชื่อเสียงโด่งดัง
ที่วัดหลวงพ่อทวดวัดช้างไห้

แต่หลายสิบปีก่อนสมัยที่ผมยังทำงานที่
ธนาคารไทยแห่งแรกได้ไปกับหัวหน้า
คนขับรถยนต์ของหัวหน้า
และผู้จัดการสาขายะลากับคนขับรถ
เพื่อนิมนต์อาจารย์นอง วัดทรายขาว
สหธรรมิกของอาจารย์ทิม วัดช้างไห้
(ซึ่งถึงแก่มรณกรรมไปก่อนแล้ว)
ให้ไปทำพิธีปลุกเสกหลวงพ่อทวด
ที่สร้างโดยธนาคารไทยแห่งแรก

แต่มีการปลุกเสกนอกวัดช้างไห้ วัดทรายขาว 
(วัดประสาทบุญญาวาส วัดที่อาจารย์ทิม
มักจะไปพักตอนขึ้นไปกรุงเทพฯ)
อาจารย์นองตอบปฏิเสธว่า
ผิดธรรมเนียมกับข้อตกลงกับอาจารย์ทิม
ถ้าไม่ไปร่วมกันในงานทั้งคู่
การปลุกเสกนอกวัดที่กำหนดสามวัดนี้
จะไม่ไปทำพิธีปลุกเสกหลวงพ่อทวดให้

แต่ถ้าไปทำพิธีปลุกเสกหลวงพ่ออื่น
หรือพระพุทธรูปอื่น ๆ ยินดีรับนิมนต์(ทำให้)
แต่ไม่ขัดขัองที่จะจารเผ่นทองแดงหรือแผ่นเงินหรือแผ่นทองคำ
ที่จะไปทำพิธีหลอมรวมสร้างพระหลวงพ่อทวดให้แต่อย่างใด

ผมเลยสอบถามท่านว่า 
หลวงพ่อทวดวัดช้างไห้กับหลวงพ่อทวดวัดพะโคะ
เป็นท่านองค์เดียวกันหรือไม่
อาจารย์นองตอบเลี่ยง ๆ ว่า
ถ้าเป็นคนเดียวกันทำไมไม่ดังที่นั่นแต่แรก
แล้วก็ไม่ตอบอะไรอีก
นอกจากพูดคุยธรรมะสรรพเพเหระ
ก่อนพวกผมจะนิมนต์ลาท่านกลับหาดใหญ่

แถวป่าเสม็ดก่อนถึงเขาในหลังวัดพะโคะ
เห็นมีการวางรังเลี้ยงผึ้งอยู่บ้าง
แต่จำนวนน้อยรัง
สอบถามชาวบ้านบอกว่าไม่ค่อยได้ผล
ต้องใช้น้ำตาลเลี้ยงอยู่จึงจะมีน้ำผึ้งเพียงพอ

คำว่าผึ้งในภาคใต้จะเรียกหลายแบบ
เช่น ผึ้งโพลง มิ้มใหญ่
รวน หรือ ยวน ผึ้งตัวเล็ก ๆ
เหมือนผึ้ง มิ้ม ที่แถวอีศาณ เรียกกัน
จำได้ว่าเป็นรังเล็ก ๆ กะทัดรัดมาก
ไปกับพี่ชายคนหนึ่งที่ไปพักอาศัยบ้านพ่อแม่ของแก
สมัยไปออกค่ายสร้างโรงเรียน
ที่บ้านเพ็ดน้อย ตำบลประทาย
อำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา

แกพาไปเอาน้ำผึ้ง มิ้ม
ที่สร้างรังในศาลาวัดกับบัวของชาวบ้าน
ขนาดรังเล็มมากประมาณหนึ่งฝ่ามือผู้ใหญ่
สำหรับรังที่เห็นแล้วนำน้ำผึ้งมาดื่มกิน
เพราะเพิ่งสร้างจากไข้หวัดใหญ่กลืนกินอาหารลำบากมาก


หมายเหตุ ที่ผ่านมาผมเคยพบผึ้งป่าแบบใกล้ชิดสามครั้งคือ

ครั้งแรก ตอนเด็ก ๆ ผึ้งป่าย้ายหลังเกาะรออยุ่ที่ต้นน้อยหน่าหลังบ้าน
เป็นกลุ่มก้อนใหญ่ ไม่นานมีเด็กอีกคนเอาหินปาใส่ 
ฝูงผึ้งทั้งฝูงบินโฉบหนีไปทีอื่น 
ปรากฎว่าผมถูกผึ้งหลงตัวหนึ่ง
บินต่อยที่ใบหน้าหนึ่งครั้ง (ไม่เจ็บมากนัก)

ครั้งที่สอง ที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ หาดใหญ่  
ฝูงผึ้งมาทำรังบนชายคาศาลาอุโบสถวัด
ไม่นานผึ้งตกลงมาตายเรื่อย ๆ จนสุดท้ายเป็นรังผึ้งร้าง
ถามพระภิกษุหลังจากผมสึกไม่นานแล้ว
ทราบว่าน่าจะตายกับยาฆ่าแมลง 
หรือยาฆ่ายุงของเทศบาลที่ใส่เครื่องฉีดฆ่ายุง
พ่นเป็นหมอกควันสีเหลืองกลิ่นฉุนเฉียว
เพราะขนาดแมลงสาบตามท่อยังบินออกมาตายเลย

ครั้งที่สาม ที่กงสียางพาราแถวบ้านในคลองแงะ
เห็นทั้งฝูงเกาะตรงกันกรอบหน้าต่างบ้านที่เป็นที่เก็บของ
ยืนดูใกล้ ๆ ก็ไม่มีอาการดุร้ายหรือต่อยแต่อย่างใด

ส่วนที่เลี้ยงผึ้งขายที่ฟาร์มผึ้งแคแมรอน- มาเลย์ 
ที่เคยไปเที่ยวมาหลายครั้งแล้ว
ทัวร์มักจะพาเข้าไปชมเป็นประจำ
จะเน้นการขายน้ำผึ้งและส่วนผสมอื่น ๆ 
มากกว่าการแสดงโชว์หรือสาธิต
มีภาพต่าง ๆ นำเสนอมากกว่า


แถวบ้านเพ็ดน้อย อำเภอประทาย โคราช
สมัยก่อนกันดารมาก  ขนาดร้านชำในหมู่บ้านยังไม่มีเลย
เซ่เว่นส์ยังไม่มีที่อำเภอเลย 
อาหารก็กินแบบชาวบ้าน
ทางเข้าออกหมู่บ้านยังเป็นดินลูงรักฝุ่นตลบ
มีรถยนต์กะบะหลังคาไม้เข้าออกเมือง
ไปกลับวันละหนึ่งเที่ยวเท่านั้น

ออกแต่เช้าถึงอำเภอเกือบสิบเอ็ดโมง
กลับเข้าหมู่บ้านประมาณบ่ายโมงเศษถึงบ่ายสองโมงเศษ
กว่าจะถึงหมู่บ้านถ้าหน้าแล้งก็ก่อนห้าโมงเย็น
แต่ถ้าหน้าฝนถนนลื่นเข้าออกลำบาก
ชาวบ้านบอกว่าเผลอ ๆ นอนกินข้าวลิงกัน
หมายถึง หาอาหารการกินข้างทางมากิน
หรือกินเสบียงอาหารที่ตระเตรียมมาแทน
เพราะรถยนต์วิ่งไม่ไหวฝนตกถนนลื่นเป็นหลุมเป็นบ่อมาก

ยังจำได้ดีว่า หมู่บ้านนี้หน้าแล้ง
จะมีสีขาว ๆ ผุดขึ้นตามท้องนา
ชาวบ้านบอกเอาไปละลายน้ำ
แล้วกรองสิ่งสกปรกออก
ต้มสักพักใหญ่แล้วตากให้แห้ง
จะได้เกลือสินเธาว์มาใช้งาน


ส่วนที่สะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา
จะมีผึ้งอีกประเภทหนึ่งเรียกว่า อุง
หรือบางแห่งเรียกว่า ชันโรง
มีขี้ผึ้งเหมือนกับประเภทชันยาไม้
สามารถใช้ประโยชน์ได้
มีน้ำผึ้งจำนวนหนึ่งแต่น้อยมาก
ใช้ประโยชน์มากคือ ขี้ผึ้งส่วนนี้

ลุงลัภย์เล่าให้ฟังตอบจบหลักสูตรว่า
อาจารยประดับ แจ่มแสง 
ให้ทุกคนหาดอกไม้ธูปเทียน
ทุกคนต่างต้องเข้าไปในวิหาร
กราบไหว้พระประธานวัดเทพชุมนุม ที่บ้านพรุ
พร้อมกับท่องคำสาบานว่า
ข้าพเจ้าขอสาบานกับหลวงพ่อว่า
จะไม่ค้าขายหรือปลอมปนน้ำผึ้งขายโดยเด็ดขาด
ถ้าทำการดังกล่าวขอให้ไม่เจริญรุ่งเรือง
มีอันเป็นไปในสามวันเจ็ดวันเทอญ

เพราะการปลอมปนขายน้ำผึ้งทำได้ง่ายที่สุด
ด้วยการเคี่ยวน้ำหวานให้เข้มข้น
ผสมพวกแบ๊ะแซหรือสีผสมอาหาร
ให้ออกดำหรือเหนียว ๆ ข้นมาก
ใส่ขวดขายตามบ้านหรือมีการแปะรังผึ้งไว้โชว์

มีเถ้าแก่เจ้าหนึ่งในหาดใหญ่
ที่มีคนเล่าให้ลุงลัภย์
แล้วแกมาเล่าต่อให้ฟังว่า
เถ้าแก่คนนี้จะว่าจ้างกลุ่มคนอีสาณสมัยก่อน
ทำตัวแบบชาวบ้านที่รับจ้างตัดปาล์มแถวควนกาหลง
หรืออยู่ในนิคมควนกาหลง

ให้จัดอีเวนส์ Event เพื่อสร้างการขายขึ้นมา
ทำเป็นเดินเป็นกลุ่ม ๆ สามสี่คน
เดินออกมาจากป่าเขาแถวสตูล
มาขายน้ำผึ้งในตลาดหรือบนถนนสายใหญ่
ที่มีรถยนต์วิ่งผ่านไปมา
พร้อมกับอุปกรณ์รังผึ้งป่าประดับส่วนหนึ่ง

ส่วนน้ำผึ้งก็เคี่ยวมาจากน้ำตาลทราย
หรือน้ำตาลขี้ม้า (น้ำตาลก้อนที่มีเม็ดสีน้ำตาลจำนวนมาก)
ผสมกับแบะแซให้เหนียวข้นกว่าปกติ
พร้อมกับเติมกลิ่นหรือผสมน้ำผึ้งบางส่วนลงไป
เวลาเทน้ำผึ้งจะไหลย้อยช้ามาก
แม้ว่าบางทฤษฏีอ้างว่าใช้กระดาษทิซซู่
หรือการเทลงในน้ำเปล่าทดสอบได้

แต่ลุงลัภย์บอกไม่มีทาง
เว้นแต่มืออาชีพจริง ๆ 
ระดับเทพมารอสูรของวงการแล้ว
จึงจะดูออกหรือชิมได้ว่าแท้หรือปลอมปน
คนทั่ว ๆ ไป ต่อให้ชิมให้หมดขวด
หรือเททดสอบให้หมดขวด
ไม่มีทางรู้เลยว่าจริงหรือปลอม

เหมือนกับที่ชาวบ้านมักจะพูดกันว่า
ทางใครทางมัน อาชีพใครอาชีพมัน
วงการใครวงการมัน อย่าล้ำเส้นกัน
ความเก่งกาจสามารถกับการเรียนรู้ต่างกัน

ตัวอย่าง การดูพระเท้หรือพระปลอม
ต่อให้ใช้กล้องส่องทั้งวันยังยากแยกแยะ
ว่าองค์ไหนจริงองค์ไหนปลอมมา
ต้องหลงใหลและศรัทธาอย่างลึกซึ้ง
จึงจะเข้าใจถึงความแตกต่างเรื่องนี้ได้

ลุงลัภย์ยังเคยไปเอารังผึ้งหลวง
ที่ไปทำในชายคาบ้านของเพื่อนแก
ที่หาดใหญ่ได้น้ำผึ้งจำนวนหกขวด
พอได้เสร็จบอกเสียดายรู้อย่างนี้ปล่อยไว้ดีกว่า
แต่สุดท้่ายต้องยอมเปลี่ยนใจ
เพราะเกรงว่าจะมีอันตรายกับเด็กและคนแถวบ้าน

ส่วนเมื่อสองอาทิตย์ก่อน
ผมเข้าไปเยี่ยมเพื่อนช่างไม้ที่
มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกของภาคใต้
แกเล่าให้ฟังว่าสองวันก่อนพึ่งจะถูกผึ้งหลวงต่อย
ตอนแกไปตัดหญ้าด้วยเครื่องตัดหญ้า
ด้านล่างต้นไม้ที่ผึ้งหลวงมาทำรังอยู่
ไม่มีเหตุการณ์ผิดปกติแต่อย่างใด

แต่ทันใดนั้นโชคร้ายกิ่งไม้หักหล่นใส่รังผึ้งหลวง
ผึ้งเลยไล่ต่อยแกไปตลอดทาง
ครั้งแรกแกกะจะวิ่งเข้าไปที่ตึกหลังหนึ่ง
ให้ยามช่วยฉีดน้ำยาดับเพลิงใส่ตัวแก
แต่ยามไม่ทราบว่าไปไหน
เลยต้องวิ่งพลางเดินพลางปัดหน้าไปพลาง
เพราะเ่ริ่มไร้เรีี่ยวแรงในการป้องกันตัวแล้ว
จนถึงอีกหน้าอาคารประมาณร้อยกว่าเมตร
นักศึกษาและคนงานวิ่งหนีกันหมด
เพราะเห็นฝูงผึ้งบินห้อมล้อมไล่ต่อยแก

จนไม่นานลูกชายแกที่ทำงานที่เดียวกัน
ขับมอเตอร์ไซด์พาแกนั่งแล้วขับหนีฝูงผึ้งไปอีกตึกหนึ่ง
ผลต้องส่งโรงพยาบาลสงขลานครินทร์
ระหว่างทางถึงเหล็กไนของผึ้งได้ร้อยกว่าเข็ม
ไปถึงโรงพยาบาลอีกร้อยกว่าเข็ม

หลังจากฉีดยาแก้แพ้หนึ่งเข็ม
แล้วให้นอนโรงพยาบาลหนึ่งคืน
วันรุ่งขึ้นหน้าตาค่อยหายบวมเป่ง
กลับบ้านพักผ่อนได้อีกหนึี่่งวัน
ดีทีแกไม่แพ้ไม่นั้นคงตายแล้ว

ไม่เหมือนคนแพ้พวกตัวต่อป่าหรือต่อหลุม
หมายเหตุ ลูกตัวต่อนี้กินอร่อยมาก
เวลามีคนตีมาขายในร้านอาหารหาดใหญ่
นาน ๆ จะได้กินทีหนึ่งตอนนี้เพราะหายาก
ใครโดนเหล็กไนตัวต่อหลุมหรือต่อป่า
โดนสักสองสามเข็มก็มักจะปวดแสบปวดร้อน
ถ้าคนแพ้อาการอาจตายได้ง่าย ๆ
ส่วนมากคนที่โดนต่อพวกนี้ต่อยที่หนังศีรษะ
ผมบริเวณนั้นขนาดเหรียญสิบบาท
มักจะเป็นเส้นผมสีขาว (ที่สังเกตมาหลายราย)

สุดท้าย รังผึ้งหลวงทางผู้บริหารตกลงกัน
ให้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ด้วยการจุดไฟรมควันไล่
แล้วทำลายทิ้งทั้งรัง น้ำหวานตัวอ่อนที่มี
พวกคนงานก็เอาไปแบ่งกันกิน
เพราะเกรงว่าจะทำร้ายกับนักศึกษาหรือคนงานภายหลัง

เขียนขึ้นจากความทรงจำเก่า ๆ ร่วมกันกับลุงลัภย์
ก่อนที่จะเลือนหายไปเหมือนฝูงผึ้งป่าในเมือง

หมายเหตุ ภาพประกอบบางส่วนจาก http://www.gotoknow.org/posts/7592

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น