วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ชีวิตชาวบ้านคลองหวะ-นกกินข้าว



ชีวิตชาวบ้านคลองหวะ-นกกินข้าว

ในช่วงข้าวเริ่มออกรวงสวยงาม
จะเริ่มมีนกสามประเภทหลัก ๆ ที่มากินข้าวในนา
คือ นกกุลา คล้าย ๆ กับ นกกระจาบ (นกเจียก)
ตัวเล็กมาเป็นฝูงขนาดเท่าหัวแม่มือ
อีกประเภทคือ นกโพลง หัวขาว ตัวเล็กสีแดง
รูปร่างเหมือนเหยี่ยว 
ลุงลัภย์เล่าว่า ชาวบ้านเชื่อว่า นกโพลง
ไม่มีกระเพาะอาหาร เพราะจะกินไปถ่ายไปตลอดเวลา

ชาวบ้านต้องหาวิธีการไล่ต่าง ๆ นานา เช่น
ทำหุ่นไล่กา ก็เจอนกปัญญาบินมาเกาะหุ่นเฉยเลย
คำว่า ปัญญา ในภาษาใต้ มีสองนัย
คือ เฉลี่ยวฉลาดมากกว่าคนอื่น
หรืออีกนัยหนึ่ง คือ การเหยียดหยามว่าโง่เขลา
มักจะใช้ด่ากันในหนังตะลุงว่า ปัญญา 
ให้ลากเสียงยาว ๆ หน่อย คือ
คำด่าว่า เซ่อหรือโง่ อะไรทำนองนี้ครับ

ทำให้ช่วงข้าวออกรวงนั้น
ช่วงไม่ต่ำกว่าหนึ่งเดือนนั้น 
เรียกว่า นกกินไม่จำเจ กินไม่อดตาย
กินกันทุ่งนาเกือบวอดวาย 

อะไรทำนองนั้น

ชาวบ้านจะต้องนั่งเฝ้านากันเป็นจำนวนมาก
ไปกันทั้งครอบครัวเลย
เรียกว่าไปพร้อมกันหลาย ๆ ครัวเรือน
แบ่งงานกันทำแบบองค์การอะไรทำนองนั้น
ต้องทำงานกันหนักมากตอนช่วงกลางวัน

ส่วนตอนกลางคืน นกขอนอนพักผ่อน
ชาวบ้านก็ถือโอกาสนอนพักผ่อนตาม
ค่อยเปิดศึกรบกันอีกตอนเช้ารุ่ง

ส่วนหนูนาช่วงนี้จะไม่ค่อยมี หรือมีน้อยมาก
ชาวบ้านเชื่อว่า หนูนาไปจำศึล
หรือหลบไปหากินที่อื่นก่อน
เพราะรำคาญเสียงผู้คนเอะอะโวยวาย
ส่งเสียงฉาว(อื้ออึง) ในเวลากลางวัน
ร่วมกับกลิ่นสาปคน(ชาวบ้าน)
ที่มาอยู่ใกล้ ๆ กับรังของหนูนา

ทำให้หนูนาเกิดอาการวิตกจริต
เรียกว่า  ถอยดีกว่า ไม่เอาดีกว่า
ขอย้ายที่นอนที่กินไปที่อื่นก่อนชั่วคราว
เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของหนูนา

ชาวบ้านต้องคอยออกปากไล่นกด้วยการส่งเสียง
เฮ้ย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ 
กันจนเสียงแหบเสียงแห้ง
บางครั้งต้องออกวิ่งไล่นก
ให้ออกไปจากทุ่งนา
เพราะพ้นจากนาแห่งนั้น
นกมักจะบินไปกินที่ทุ่งนาอี่นอีก

แม้ว่าจะมีการทำกังหันลม
ให้มีเสียงบรื๊อ ๆ ๆ ๆ ๆ
มักจะได้ผลไม่มากนัก
พอนกชินเสียงแล้ว
จะบินมากินข้าวในนาหน้าตาเฉย

ขนาดที่มีการตีเกราะไม้ไผ่
ดังโกร๊ก ๆ ๆ ๆ 
ยังไม่ได้ผลแต่อย่างใด
เพราะพอหยุดตีเมื่อไร
นกจะหวนกลับมาจิกกินข้าวกันอีก

ขนาดใช้สายโยงเกราะมาตี
ยังไม่ได้ผลแต่อย่างใด
ถึงขนาดจุดประทัดยังจะมีผลเล็กน้อย
พอนกแตกฝูงไปสักพัก 
นกจะกลับมากินข้าวอีก
หรือมีนกที่ไม่กลัวเสียงดัง
อีกสองสามตัวแอบกินข้าวในนาตามปรกติ

ทำให้การไล่นกที่ดีที่สุดคือ
ชาวบ้านช่วยกันส่งเสียงไล่
แถมการเดินไล่ทั้งวันในช่วงหนึ่งเดือน
แต่พอพ้นจากหน้านี้แล้ว
จะมีนกน้อยลงมาก

เขียนขึ้นจากความทรงจำร่วมกัน
ก่อนที่จะเลือนหายไปเหมือนนกกินข้าวในนาหาดใหญ่

สำหรับ blog นี้จะมีรายละเอียดเกี่ยวกับนกกระจาบครับ

http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=channoi&group=7&date=10-07-2005&blog=1




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น